จงเป็น “นกแขกเต้า” ที่มีอาจารย์เป็นพระฤษี…ทำประโยชน์ให้ยิ่ง

บรรพบุรุษสอนไว้ คบคนเช่นใด เป็นคนเช่นนั้น
เหมือนกับนิทานนกแขกเต้า ๒ ตัว
ไปอยู่กับพระฤษีและโจร ที่พ่อเล่าให้ฟัง
ว่าจะเป็น"นกดี" และ "นกเลว"
 
 
 
ลูกจะคบใคร ก็ให้ระวังไว้
ลูกจงคิดไว้เสมอว่า
จะไม่เอาตามอย่างคนเลว
คนไม่ดีเราจะไม่เดินตาม เพราะเราจักไม่ดีไปด้วย 
 
พ่อและแม่จักไม่เป็นคนตัดสินชี้นำให้ลูกว่า
"คนนั้นเลว" หรือ "คนนี้ดี"
นั่นไม่ใช่วิธีการเลี้ยงดูลูกของเรา
แต่
จะสอนให้ลูกคิดและพิจารณาเองมาตั้งแต่เล็กๆ
 
เราสองคนเป็นทั้งฤษี และ โจร ก็ได้ในความคิดของลูก 
นั้นคือสิ่งที่ลูกได้รับมาตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกัน
 
พ่อ-แม่ เป็นเพียงผู้เปิดโลกทัศน์ มุมมอง
 แต่ไม่ใช่ผู้ชี้ชะตา ให้ลูกหันซ้าย-หันขวา ไปตามทางนั้น
 
อย่างแม่ของลูก กับ คุณตา ไม่เคยมีความคิดเหมือนกัน
แต่…พ่อก็เห็นแม่ของเจ้า รักคุณตามาก
และจะไม่พูดกันเรื่องที่ไม่เห็นสอดคล้องกัน
ให้คุณตาต้องอารมณ์ไม่ดี และ เสียใจ
 
แม่ของลูกและคุณตาให้เกียรติกันเสมอ
ตั้งแต่
พ่อมาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกคนในครอบครัวของแม่
 
พ่อมีความคิดเห็นของบุคคล ๓ คนมาให้ลูกอ่าน และ ฟัง
ลูกจงพิจารณาเอาเองเถิดว่าทุกคนคือ "คนไทย"
เป็น"นกแขกเต้า" ที่ศึกษามาจาก อังกฤษ และ อเมริกา
มีทั้งราชนิกูล คนชั้นสูง และ คนไทยเชื้อสายจีน
แล้วใครจะศึกษาจากโจร หรือ พระฤษี
นั้นก็สุดแท้แต่ความคิดเห็นของลูก
 
เราไม่จำเป็นต้องคิดเห็นเหมือนกัน
ลูกไม่จำเป็นต้องอ่าน และ ฟัง แค่สิ่งที่พ่อเสนอ
 
ค้นคว้า อ่าน ศึกษาไปเลื่อยๆ
สุดท้าย…ไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องคิดเหมือนพ่อแม่
แต่
ของให้ศึกษาความเป็นมาของชาติบ้านเมืองบ้าง
อย่าเพียงสนุกสนาน…อย่างผิวเผินเลยนะ
พ่อไม่อยากสร้างลูกให้เป็นคนแบบนั้น
 
ลูกจะเห็นว่าทั้งพ่อและแม่ชอบดูโทรทัศน์ Internet
คุยกันเรื่องบ้านเมืองสองคนได้ทุกวัน
ตั้งแต่สมัยที่ลูกๆยังเล็ก จนปัจจุบัน
 
สมัยตอนปี ๒๕๓๕ พ่อขอแม่ออกไปร่วมด้วย
แต่แม่เขาให้เหตุผลว่า "ลูกยังเล็กนะ"
ถ้าเผื่อพ่อเป็นอะไรไป ครอบครัวเราจะลำบาก
 
สองสามวันก่อน…เรานอนคุยกัน
และ
ถามตัวเองว่าเราสองคนเคยรัก "คุณจำลอง"
แต่
ทำไม"ความรู้สึกจึงไม่เหมือนเดิม"
เราสองคนผิดแผลกแตกต่างจากญาติๆของเราตรงไหน
ใครกันที่ "ผิดปกติ"
แม่บอกว่า "ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมตลอดกาล"
ทุกอย่างนะ…ไม่ยกเว้นแม้แต่ความรักที่เรามีให้กัน
อย่าไปยึดติดกันไปในสิ่งที่ไม่จีรังจะดีกว่า
 
ทำอย่างไรจะให้ลูกสาวทั้งสองของพ่อ
สนใจการเมืองในฐานะของคนไทยคนหนึ่ง
แม่แนะนำให้หาบทความต่างๆให้ลูกอ่าน
นานๆไป…ลูกก็จะเป็น "คนไทย" ที่รู้จัก-รับรู้เอง
ดีกว่า…จะลูกคิดว่า
"มันจะเป็นอย่างไร ลูกคิดว่ายังไม่อยากรู้"
 
เอาเถอะนะ ลองๆติดตามข่าวสารบ้านเมืองบ้าง
เพราะลูก "เป็นคนไทย"
เกิด และ เติบโตบนผืนแผ่นดินนี้
อนาคต…ลูกจะไปประกอบอาชีพที่ไหนบนโลก
ลูกก็ยังได้ชื่อว่า "เป็นคนไทย" ที่มีเกียรติ
ไม่ใช่…คนไร้แผ่นดิน ไร้มาตุภูมิ ให้ภาคภูมิใจ
 
พ่อมาจากพื้นเพ"ชาวนา"ได้รับความรู้จนถึงระดับนี้ได้
เพราะ "ความใฝ่ดี"เป็นที่ตั้ง
 
ไม่ใช่ "ศักดินา" ไม่ใช่ "ลูกเศรษฐี"
ไม่ใช่ "คนไทยเชื้อสายจีน"
 จึงขอเสนอแนวความคิดของคนเหล่านี้
ที่มีมุมมองในวัยเด็กๆไม่เหมือนกับพ่อ…
ให้ลูกศึกษาดู สนุกๆ เผื่อจะเปลี่ยนชีวิตให้มีประโยชน์
มากเท่าที่ความสามารถของลูกจะทำได้ 
 
คนที่ ๑ เขาจบประเทศอังกฤษที่เคยเป็นประเทศศักดินา
ขยายอาณานิคม ย่อมมีการฝึกอบรมสั่งสอนมาในแบบหนึ่ง
 
 

คนที่ ๒ เขาเป็นชนชั้นศักดินาจบประเทศอเมริกา ที่อิสระและเสรีภาพ
ย่อมมีการเรียนรู้และมุมมองที่แตกต่างจากคนแรก
ลองฟังของวันที่ ๒๐เดือน๑๐ปี ๒๕๕๑ ช่วงกลางๆ ดูนะ
เพราะพ่อกลัวลูกเบื่อ
 

หรือจะฟังไปเลื่อยๆก็ได้…แต่พ่อรู้นิสัยลูกดี
ก็เหมือนวัยรุ๋นทั่วๆไป
ยากที่จะสนใจ ทั้งๆที่มีแบบอย่างของพ่อ-แม่ ให้เห็นทุกวัน
พ่ออยากบอกว่า
"มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ดีกว่าไปเพ้อฝันสิ่งนั่นสิ่งนี่"
ที่เลื่อนลอย
 

 
คนที่ ๓ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นอาจารย์ มธ.
ย่อมมีการฝึกอบรมสั่งสอนมาอีกเช่นกันในแบบหนึ่ง
เขาจะเสนอมุมมองในเง่ของศา
 
ส่วนมากญาติของแม่ของเจ้าจะอยู่ในวงการนี้
ตั้งแต่ คุณตาทวด (พระยาอรรถกฤตนิรุตติ์)
คุณตาสามีพี่สาวแท้ๆของคุณยายเจ้าทั้งสองคน
(ศจ.สัญญา ธรรมศักดิ์ และ คุณจินดา ชัยรัตน์ ทนายความ)
เมื่อฟังไปแล้ว
จำไว้นะ…ค่าของคน ไม่ได้วัดที่การศึกษา
และ…การศึกษามีได้ตลอดชีวิต
ตราบใดที่เรายังรักการค้นคว้า คิด เขียน อ่าน ฟัง
 
ที่จริง…พ่อยอมรับว่า"เราสองคน"หวังให้ลูกเป็น
"คนของแผ่นดิน"
รับใช้แผ่นดิน ทำชื่อเสียงให้แผ่นดิน
ในทุกรูปแบบ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
แต่จงอยู่ติดดิน หรือ เป็นดั่ง "ดังตฤณ"
…ผู้เสียสละ…
ในทางที่ถูกที่ควร…เมื่อได้ศึกษาจนถ่องแท้แล้ว
รักลูกสาวทั้งสองดั่งดวงใจ
พ่อ
 
 

 %B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%8D[1]

"ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของ ข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดย สิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร" – พระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ข้อความนี้ถูกเขียนใน Books คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

2 ตอบกลับที่ จงเป็น “นกแขกเต้า” ที่มีอาจารย์เป็นพระฤษี…ทำประโยชน์ให้ยิ่ง

  1. น้องหนู พูดว่า:

    อ่านแล้วอิ่ม
    ก้มดูตัวเอง
    คน เรา คือคน
    คนไทย
    ที่มีแผ่นดินไทยเกิด
    เกิดแผ่นดินที่มีสุข
    หวังว่า  คน คน คน
    รักแผ่นดิน ด้วยกันทุกคนนะ
     

  2. Strange Loop พูดว่า:

    ครับ
     
    คนจะดีไม่ดี
    ไม่เกี่ยวกับชนชั้น หรือ การศึกษา
     
    แต่ชนชั้นและการศึกษาก็สำคัญเพราะเป็นสิ่งที่ หล่อหลอม และให้คติ แก่คน ให้คนเป็นคน "แบบหนึ่ง" ได้
     
    ผมรักในหลวงมาก เพราะท่านทรงงานหนัก เพื่อคนไทย
    ผมศรัทธา อาจารย์ป๋วย เพราะท่านยึดมั่นในความถูกต้อง ยอมแม้พลีชีพ
     
    แต่ผมก็ต่อต้าน "ชนชั้น" บางคน "การศึกษา" บางอย่าง แม้จะมีคนยกย่อง
    แต่ทำตัวไม่เอาไหน ไม่มีคุณธรรมพื้นฐาน
    น่าเสียดายที่เขามีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆมากนัก
     
    ทั้งๆที่ก็เข้าใจว่า มีเหตุ ทำให้ คนเหล่านั้น ทำ "ไม่ดี"
    ต่อต้าน แต่ไม่ได้เกลียดชังแบบ มีโทสะ หน่ะครับ
     
    "ทำดีได้ดี" นั้นเป็นคำที่เราคุ้นเคย
    แต่ พ่อผมนั้น สอนไว้ว่า (ท่านไม่ค่อยสอนผมมากครับ ส่วนมาก็ทำตัวให้เห็นเป็นตัวอย่างเท่านั้น)
    "ทำดี ได้ทำดี" เท่านั้นก็พอ
     
     
     

ใส่ความเห็น