ความตั้งใจของพ่อกับแม่

 
วิธีที่จะทำให้คนฉลาดและรอบรู้นั้น
ไม่เป็นการยากเลย
เพียงแต่…ลูกต้องอ่านหนังสือทุกวัน
และใช้สมาธิในการอ่านนั้น
 
จากคำว่า
 "ควรทำ" หรือ "ไม่ควรทำ"
"ต้องทำ" หรือ "ต้องไม่ทำ"
"สมควรต้องทำ" หรือ "ไม่สมควรต้องทำ"
และ
"จำเป็นต้องทำ"
คำไหนนะ ที่จะทำให้ลูกของพ่อมีความรู้สึกที่ดีๆกับ
"การได้อ่านหนังสือทุกวันอย่างมีความสุข"
?????????
อย่างเช่น "ควรจะ" และ "ต้อง"
ทำให้ลูกรู้สึกเหมือนไม่มีโอกาสเลือก
และเมื่อรู้สึกว่าไม่มีทางเลือก
ลูกก็จะเหมือนถูกกดดัน ทำให้ไม่อยากคิดและทำ
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้คำว่า "ฉัน(ลูก)เลือกที่จะทำ"
หรือ"ฉัน(ลูก)เลือกที่จะไม่ทำ" แทนล่ะ!
พ่อว่ามันจะทำให้ลูกรู้สึกว่า เรามีโอกาสเลือก
มันจะทำให้ลูกสมัครใจ เต็มใจ และ สุขใจเมื่อทำได้
 
จงจำไว้
ทางเลือกอย่างหนึ่ง อาจให้ผลที่แย่กว่าอีกทางหนึ่ง
ดังนั้น…
ต้องยอมรับผลให้ได้ ไม่เช่นนั้นความทุกข์จะตามมา
 
ลูกรัก…การเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง
ให้"อ่านหนังสือทุกวัน"นั้น
ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก
ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากภายใน
จากความต้องการของตนอย่างถ่องแท้
เพราะเห็นถึงคุณค่าอันแท้จริงของการอ่าน
มันก็จะไม่ทำให้ชีวิตลูกดีขึ้นมาได้
 
พ่อเชื่อว่า…
เราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงจากภายในนะลูก
อ่านด้วยความรัก
เข้าใจสาระของผู้เขียนที่ต้องการถ่ายทอด
หนังสือบางเล่มที่กินใจเรา
 เราสามารถอ่านซ้ำอ่านซากได้เป็นสิบรอบ
นั่นแหละ…เพราะเรารักเนื้อหา
ทำให้หวงแหนหนังสือเล่มนั้นเป็นพิเศษ!
 
พ่อยังจำกลอนบทหนึ่งสมัยเด็กๆที่คุณครูให้ท่อง
เป็นบทอาขยานว่า
"เด็กเอ๋ยเด็กน้อย
  ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน
 
ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน
เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย"
 
มีอีกบทหนึ่งที่ครูมักให้คัดมาส่งตอนปิดเทอม
เขียนเอาไว้ว่า
"ปิดเทอมแล้วแก้วตาขอลาก่อน
จงพักร้อนผ่อนคลายหายทุกข์เข็ญ
เคยลำบากพากเพียรเรียนเช้าเย็น
ได้หยุดเล่นเป็นเวลากว่าสองเดือน
 
เมื่ออยู่บ้านหมั่นทำดีต่อพ่อแม่
ผู้มีแต่แผ่เมตตาหาใครเหมือน
งานสิ่งใดทำได้ไม่แชเชือน
จำคำเตือนครูเถิด…ประเสริฐเอย"
 
พ่อเป็นคนหัวอ่อน เป็นหัวหน้าชั้น
สิ่งละอันพันละน้อยในชีวิต
พ่อมักจะจดจำได้เสมอ แม้เวลาจะผ่านพ้นไปนานแล้ว
 
คำเตือนของผู้ใหญ่ที่สั่งสอนมา
ถ้าลูกนำกลับมาทบทวนดูบ้าง
ปฏิบัติตามบ้าง ไม่จำเป็นต้องถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์หรอก
พ่อกับแม่ก็มีความสุขแล้ว
 
เพราะเวลา นั้นหนอ ใช่รอเรา
มีค่ำเช้า ผ่านไป ให้รู้ค่า
ได้เท่ากัน แต่ละวัน ของเวลา
แต่คุณค่า แตกต่างกัน นั่นเพราะใคร????
 
รักลูกมาก
พ่อ
หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง 
 
"ตัวหมึกจางๆ เจ๋งกว่าความทรงจำที่แจ่มแจ้งชัดเจน"
เพราะอะไรหรือ?
ก็เพราะมันไม่ตายไปพร้อมกับผู้จำ
แต่มันสามารถเป็นประวัติศาสตร์ที่ใช้อ้างอิงได้
เมื่อเราได้อ่านมัน
 
หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ 
 
สุ คือสดับถ้อย ข้อความ
จิ คือจิตคิดตาม แต่ต้น
ปุ คือปุจฉาถาม คำตอบ
ลิ คือลิขิตค้น ไขว่คว้ามาเขียน
โดย แคน สังคีต
 
หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ 
 
"เพราะฉันคิด" ฉันจึงเป็น เช่นมนุษย์
เหนือสุดสุด มวลสัตว์ เดียรัจฉาน
เกิดความรู้ กู้ชีวิต กิจวิญญาณ
ก่อความรัก สร้างสาน งานคุณธรรม
"เพราะฉันพูด" ฉันก็เป็น เช่นชาวฟ้า
เปล่งวาจา จูบสายลม พรมสายน้ำ
ให้โลกยิ้ม แล้วร้องไห้ ร่ายเพลงกรรม
ด้วยน้ำเสียง น้ำคำ และน้ำตา
"ครั้นฉันเขียน" ฉันได้เป็น เช่นพระเจ้า
ปั่นน้ำเน่า เป็นน้ำทิพย์ กระซิบผา
ปลูกสวรรค์ ปั่นนรก ยกดารา
เปิดมหา วิทยาลัย ในจักวาล
โดย รศ. ดร. สมควร กวียะ 
 
หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ หลอดไฟ
 
สัปดาห์หนังสือจะหมดวันจันทร์ที่ ๖ เมษายนศกนี้
วันสุดท้าย…ขายถูกดีนะ
ลองไปดูซิ!!!!! 
 
 
ข้อความนี้ถูกเขียนใน หนังสือ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

6 ตอบกลับที่ ความตั้งใจของพ่อกับแม่

  1. เจ้าหงิญ พูดว่า:

    สุ จิ ปุ ลิ ….กินข้าวแล้วนอนเทวดาให้พรสอบตกๆ …ต้องอ่านหนังสือก่อนนอนค่ะ"เราสามารถอ่านซ้ำอ่านซากได้เป็นสิบรอบนั่นแหละ…เพราะเรารักเนื้อหาทำให้หวงแหนหนังสือเล่มนั้นเป็นพิเศษ!" อันนี้ถูกต้องเลยค่ะ อ่านแล้วอ่านอีกไม่ยักจะเบื่อ …ตอนนี้สิ่งยั่วยุมันเยอะ เกม อินเตอร์เน็ต เยอะแยะ …คงจะยากสักหน่อยที่จะทำให้กลายเป็นคนรักการอ่าน^^

  2. Strange Loop พูดว่า:

    อยากเห็นคุณลูก เขียนหาคุณพ่อมั่ง จะเป็นไปได้ไหม

  3. EDDY MEKING พูดว่า:

    ชอบมาก ขอให้มีบทความเช่นนี้บ่อยบ่อยhttp://cid-f559a66d41f48038.spaces.live.com/blog/

  4. Who am i พูดว่า:

    อ่านแล้วอบอุ่นจังค่ะ ความหมายเดียวกันแต่ให้ความรู้สึกต่างกันกลอนเก่าแล้ว แต่จำได้ขึ้นใจค่ะ

  5. Autit พูดว่า:

    ในครอบครัวนี่ แกนสำคัญที่สุดคือแม่ ทางวัฒนธรรมไทยเรา เราจำกันมาแต่ไหนแต่ไรว่าพระคุณแม่ แต่นี่พระคุณพ่อแม่พูดให้กว้างขึ้น เป็นเครื่องคุ้มครองลูก พระคุณแม่รวมทั้งพระคุณของพ่อ คุ้มครองลูกได้อย่างไร เรื่องพระคุณก็คืออะไร ก็คือคุณความดี ความรัก ความเมตตา กรุณา เป็นต้น ที่ซาบซึ้งลึกลงไปแฝงฝังอยู่ในจิตใจ จนกระทั่งว่า มีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของบุคคลนี้อย่างไม่ต้องรู้ตัวเลย เหมือนอย่างฝ่ายร้ายเมื่อเราเข้าป่า ถ้าใครร้องขึ้นมาว่า เสือ เท่านั้นแหละ ไม่ต้องไปคิดล่ะว่า เสือรูปร่างเป็นอย่างไร มันจะทำยังไงกับเรา ไม่ต้องไปคิดนึกให้เสียเวลาหรอก เข่าอ่อนทันที ตกใจวิ่งทันที นี่ก็เช่นเดียวกัน พระคุณแม่ก็ให้ซาบซึ้ง ฝังลึกจนกระทั่งว่า ไม่ต้องมา คิดมานึก เกิดเหตุการณ์ขึ้นมานี่จะเกิดความรู้สึกถึงแม่ทันที แล้วก็จะแสดงออกมาได้ โดยไม่ต้อง รู้ตัว ไม่ต้องคิดต้องนึก เหมือนอย่างว่า ถ้ากำลังเงื้อมีดจะทำร้ายใครสักคนหนึ่ง ใครพูดขึ้นมาว่า แม่ เท่านั้นแหละทำให้มืออ่อนมีดหลุดไปจากมือไปเลย อย่างนี้ก็เรียกว่าใช้ได้ นี่ถ้าหากว่าพระคุณ ของแม่ซาบซึ้งถึงขั้นนี้ก็จะมีผลต่อชีวิตต่อสังคมเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดาย ว่าเวลานี้ เรื่องพระคุณของแม่นี่ อ่อนกำลังมาก จนกระทั่งว่า บางทีที่น่ากลัวมาก ก็คือว่า ไม่มีความรู้สึก ต่อกันแล้ว แม่ก็ไม่ได้รักลูก ลูกก็ไม่ได้รักแม่ ความผูกพันทางใจก็ไม่มี แต่ไม่ใช่ หมายความว่า หมดนะ ก็ยังมีอยู่เยอะ แต่ว่ามันชักจะเลือนราง เสื่อมคลาย ลงไป เพราะฉะนั้น ต้องมาเตือน มาย้ำ มาเน้นกันว่า ให้พยายามปลูกฝังอันนี้ขึ้นมา ให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้ง ในพระคุณของแม่ด้วย ความผูกพัน กันอย่างแน่นสนิทฝังใจ อย่างที่พูดเมื่อกี้ว่า เวลาได้ยินคำว่า แม่ ความซาบซึ้งใจ จะแสดงออกมาเองโดยไม่ต้องคิดต้องนึกเลย อย่างที่บอกว่ากำลังยกปืนขึ้นจะยิง ใครจะทำร้ายใคร พอได้ยินคำว่าแม่นี้ ปืนหลุดออกจากมือทันที อย่างนี้เรียกว่า พระคุณของแม่ มาคุ้มครองแล้ว เขาจะทำอะไรที่เสียหายร้ายแรง ทำบาปทำกรรมก็หยุดได้ นี่พระคุณของแม่ต้องอย่างนั้น พอพูดขึ้นมา ว่าแม่เท่านั้นแหละ ความรู้สึกดี ๆ ต่าง ๆ ขึ้นมาเลย ไม่ต้องนึกให้เสียเวลา อันนี้พระคุณ ที่แท้จริงที่จะคุ้มครองได้ คำว่าคุ้มครองก็หมายความว่า ลูกมีความรู้สึก ซาบซึ้ง ในความรัก ความเมตตาของแม่มาตั้งแต่เล็ก แต่อ้อนแต่ออด จะเรียกว่า ตั้งแต่อยู่ในท้องก็ได้ ก็เลี้ยงประคบประหงม กันมา พอโตขึ้นมาไปไหน พอจะไปทำอะไรที่ไม่ดีนี่ นึกถึงแม่แล้ว โอ ! แม่สอนเราไว้ หรือจะไปทำอะไรเห็นแก่แม่นะ แม่นึกอยู่นี่นะ ถ้าแม่รู้ว่าทำไม่ดี แม่จะเป็นทุกข์ เดือดร้อนยังไง พอนึกอย่างนี้ก็จะเกิดความยับยั้งชั่งใจ นี่เขาเรียกว่า พระคุณแม่มาคุ้มครอง ที่ว่า คุ้มครองน่ะคือคุ้มครองอย่างนี้ หรือว่าคนที่มีความซาบซึ้งใจต่อพระคุณแม่นี้ เวลาไปข้างนอก ไปพบผู้หญิงอื่น ไปพบผู้หญิงที่มีอายุมากสูง ๆ ท่านผู้เฒ่าชรา ก็จะมีความรู้สึกนึกถึงแม่ ความรู้สึก ที่ดีก็มี ความรู้สึกต่อคนแก่นั้น ก็จะเป็นความรู้สึกในทางที่ เป็นความรู้สึกต่อแม่ อย่างวัฒนธรรมไทย ของเราที่เรียกว่า เป็นป้า เป็นลุง เป็นตา เป็นยาย อะไรต่าง ๆ ความรู้สึกดี ๆ ก็จะมา ถ้าเราไม่มีความรู้สึกแบบพระคุณแม่ที่ซาบซึ้ง ไปเห็นคนแก่ผู้หญิง เราก็อาจจะ เกิดความรังเกียจลดลงมา ถ้าไปพบผู้หญิงอายุน้อย ๆ พอไปพบเด็กผู้หญิงสาว ๆ อะไรต่าง ๆ ถ้าปลูกฝังกันมาดีในครอบครัว มีพระคุณแม่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ความรู้สึกเหล่านี้ จะมาโน้มน้อม ให้จิตใจนึกถึง พอมองเห็นผู้หญิงอื่น นึกว่า เออ แม่ก็ทำให้เรานึกไปถึงพระคุณของท่าน ความเป็นผู้หญิงนั้นนะกระตุ้นความรู้สึก ๒ ด้าน มีแต่สัญชาตญาณก็จะ มีแต่เรื่องเพศอย่างเดียว แต่ถ้ามีเรื่องพระคุณของแม่อยู่ด้วย ความรู้สึกที่ดีก็จะเกิดขึ้นความรู้สึกที่ดีต่อแม่จะโยงไปหา พี่น้อง ก็จะนึกถึงผู้หญิงนั้นอย่างเป็นพี่ เป็นน้อง ความรู้สึกงดงาม มีจิตใจประกอบด้วยคุณธรรม เมตตา กรุณาก็เกิดขึ้น ปัญหาสังคมก็จะลดน้อยลงไปเอง แต่ถ้าพระคุณแม่ไม่มีที่จะคุ้มครองแล้ว ต่อไปผู้ชายไปพบผู้หญิง ก็จะมีแต่ความรู้สึก ทางเพศอย่างเดียว แน่นอนว่า ปัญหาทางสังคมนี้ ก็จะเกิดขึ้น อาชญากรรมจะต้องมากมาย ฉะนั้น จะต้องฟื้นพระคุณแม่ขึ้นมาให้ได้ เวลานี้เราแทบจะหมดแล้วนะ ความรู้สึกพระคุณแม่ก็แทบจะหาย เพราะฉะนั้นขอพูดเลยว่า ถ้าพระคุณแม่ไม่กลับมาโลกา วอดวายแน่ ต้องตั้งความมุ่งหมายเลยว่า ต้องฟื้นให้ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก พ่อก็มาคอย ปกปักรักษา มาช่วยดูแล คุ้มครองให้อีกทีหนึ่ง แต่ด่านแรกที่สุด แกนของสังคม ก็คือแม่ แม่นั่นแหละ จะเป็นผู้อุ้มชูสังคมนี้ให้อยู่รอดต่อไป และก็เป็นผู้ที่จะจูงลูกเข้าสู่การศึกษา ต่อไปนี้ เรามาหวังกันเถอะว่า จะต้องให้แม่จูงลูกเข้าสู่การศึกษา โดยมีพ่อคอยช่วยปกปัก คุ้มครองอยู่ ถ้าแม่ดึงลูกเข้าสู่การศึกษาได้ ต่อไป พระคุณแม่ ซึ่งมีพระคุณพ่อคอยปกป้องคุ้มครอง จะเชื่อมโยง ไปหาคุณพระรัตนตรัยได้ เวลานี้เราเชื่อมไม่ถึงพระคุณพระรัตนตรัย เพราะพระคุณแม่ก็จะไม่ไหว อยู่แล้ว นี้ถ้าพระคุณแม่ก็ไปแล้ว พระคุณพระรัตนตรัยก็เอื้อมไม่ถึง ฉะนั้นเราก็มาจับจุดให้ถูก มาเริ่มที่พระคุณแม่ ถ้าพระคุณแม่มาละก็ พระคุณแม่จะโยงไปหาพระคุณของพระรัตนตรัยได้ เพราะว่า ความดีงาม ความเมตตา กรุณา ความรักอะไรที่ดีงามอยู่แล้วนี่ ก็จะโยงไปหาสิ่งที่ดีงาม ด้วยกัน นั้นคือพระรัตนตรัย ต่อไป เรื่องบุญหรือกุศลอะไรต่าง ๆ ก็จะมา

ใส่ความเห็น