ถ้าคิดจะช่วยเหลือใครให้เป็นคนดีเป็นพิเศษแล้ว…อย่าเปิดโอกาสให้เขาทำชั่ว

ลูกจงจำไว้ว่า

คนจักทำชั่ว เมื่อมีโอกาส

ถ้าเราคิดอยากช่วยใครให้เป็นคนดีเป็นพิเศษแล้ว

 

อย่าเปิดโอกาสให้เขาคิดที่จะทำชั่ว

ลูกรัก

"ความดี"และ"ความชั่ว"มันอยู่ใกล้ชิดกันมาก

เปรียบเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน…ให้เราเลือก

มีเพียงแผ่นบางๆมากั้นให้เป็นด้าน…เรียกว่า

"ด้านดี"หรือ"ด้านชั่ว"เท่านั้น

เด็กชาย เด็กหญิง เด็กชาย เด็กหญิง เด็กชาย เด็กหญิง เด็กชาย เด็กหญิง เด็กชาย เด็กหญิง เด็กชาย เด็กหญิง

"คนดี"และ"คนชั่ว"ที่จะเป็นคนทำ…

"เรื่องดี"หรือ"เรื่องชั่ว" 

ก็อยู่ใกล้ชิดกันมากเช่นกัน

บางเวลาก็อยู่ในคนเดียวกันเสียด้วยซ้ำ

"คน"กับ"เหรียญ"จึงเหมือนกัน

สิ่งที่ต่างคือ"เหรียญ"เป็นวัตถุ

แต่

"คน"มีสมองอยู่ภายในตัวเอง

ไว้ใช้คิดและเลือกได้ที่จะทำ ดี ชั่ว

แปลกไหมที่มันไม่ปะปนกันแต่มันก็เข้ากันไม่ได้

มันใช้พื้นที่น้อยๆในสมองอยู่ด้วยกัน

สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน สับสน 

พ่อในวัยที่มีอายุขนาดลูก ต้องยอมรับว่า

ดี ชั่ว บางทีก็เลือกที่จะทำผิดทิศผิดทางบ่อยๆ

ไม่ใช่แยกแยะไม่ออก

แต่ต้องฝึกหัดที่จะมีอาชชวะ ความซื่อตรง เป็นแนวทาง

การที่เราจะซื่อตรงต่อตน ซื่อตรงต่อผู้อื่น ซื่อตรงธรรมนั้น 

ต้องใช้เวลา ใช้ความคิด ใช้กำลังกาย กำลังใจ

พร้อมทั้งเพื่อนฝูง สิ่งแวดล้อมจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า

มาคอย"ชี้แนะ"และ"ให้กำลังใจ"

สม่ำเสมอ…สม่ำเสมอ…สม่ำเสมอ

สวมกอดด้านซ้าย สวมกอดด้านขวา สวมกอดด้านซ้าย สวมกอดด้านขวา สวมกอดด้านซ้าย สวมกอดด้านขวา สวมกอดด้านซ้าย สวมกอดด้านขวา สวมกอดด้านซ้าย สวมกอดด้านขวา สวมกอดด้านซ้าย สวมกอดด้านขวา

การที่คนโบราณท่านเตือนเราว่า

"อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว"

เพราะท่านต้องการเตือนเราว่า

"กงจักร"คือ"ความชั่ว"นั้น…เป็นอย่างไร

และ"ดอกบัว"คือ"ความดี"นั้น…เป็นอย่างไร

ในชีวิตคนเรานั้น

ย่อมทำสิ่งที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง คละเคล้ากันไป

แต่ขอให้ลูกจำไว้ว่า"ถ้าลูกคิดอยากช่วยใครให้เป็นคนดี

ลูกจงอย่าเปิดโอกาสให้เขาคิดชั่ว พูดชั่ว หรือทำชั่ว

แต่จงแนะนำเรื่อง

 อาชชวะ ความซื่อตรง

ชวะ ความเฉียบแหลม

ขันติ ความอดทน

โสรัจจะ ความเสงี่ยม

ให้แก่ให้แก่เขาแทน

กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง กุหลาบแดง

คนเราต้องฝึกตนให้มีอาชชวะ ความซื่อตรงให้ได้

ทั้งซื่อตรงต่อตนเอง

ซื่อตรงต่อผู้อื่น

และ

ซื่อตรงต่อธรรมด้วย

หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง หัวใจสีแดง 

การซื่อตรงต่อตนนั้น คือ ตนตั้งใจจะกระทำความดีอย่างใดๆ

ก็บากบั่นพยายามกระทำการนั้นๆโดยไม่ผัดเพี้ยนท้อถอย

อธิษฐานจิตว่า ถ้าจะพึงทำต้องทำให้ได้จริงๆ

ลูกต้องบากบั้นที่จะทำ เพราะถ้าลูกไม่ซื่อตรงต่อตนเองแล้ว

ก็จะเป็นสาเหตุให้ไม่ซื่อตรงต่อคนอื่นด้วย

การปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมาต่อกัน

วาจาเป็นเช่นใดใจก็เป็นเช่นนั้น

เป็นพื้นฐานและแรงจูงใจให้เราซื่อตรงต่อธรรม

การวางใจให้มุ่งมั่นในธรรมะ

ต้องปฏิบัติทีละขั้นโดยลำดับ

เหมือนขึ้นบันได ต้องก้าวทีละขั้น

ถ้าข้ามขั้น อาจพลั้งพลาดตกลงมาเจ็บกาย เจ็บใจ

และต้องตั้งต้นกันใหม่อีกครั้ง

การเดินทางอย่างนี้ต้องมีสัจจะเป็นพื้นฐาน

มีความกตัญญูกตเวทีเป็นลำดับต้น

มีความภักดีเป็นกิ่งก้านสาขา ทีเขาเรียกว่าซื่อตรงจงรักภักดี

ถ้าจิตใจถึงระดับนี้ ก็จะสะอาด

ทำให้เกิด ชวะ ความเฉียบแหลมประจำใจ

ทำให้ลูกมีความว่องไวไหวพริบ ในการเลือกผิดชอบชั่วดี

ไม่เกาะเกี่ยวพัวพันวุ่นวายทำร้ายใจตนเองโดยไม่รู้ตัว

และบางครั้งก็อาจ…

ไปแนะนำเพื่อนผูง หรือคนรักได้ถูกต้อง

ลูกรู้ไหมว่าสิ่งที่พ่อบอกนั้น…

มันฟังดูง่ายๆแต่กระทำได้ยากนัก

ถ้าลูกไม่มี ขันติ ความอดทน

ที่ประกอบด้วยสติ และด้วยโยนิโสมนสิการ

เช่นในเวลาที่ได้ยินคนนินทาก็อดทน

มีสติสามารถประคองจิตพิจารณา

มองในมุมบวก คิดว่าเขาเตือน เป็นลาภ ไม่โกรธแค้น

กลับกลายเป็นเรื่องสนุกสนานเบิกบานใจ

ฟังพลางแผ่เมตตาไปพลาง อย่างนี้ถ้าอดทนจนเข้าใจ

ไม่ใช่อดกลั่นแล้วนำมาระเบิดภายหลัง

จะสามารถอดทนจนเป็นตบะคือ

ได้ยินเรื่องราวมากระทบใจก็ทนได้เฉยได้

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม

สิ่งเหล่านี้จักทำให้ 

ลูกนำพาตัวเองและเพื่อนฝูงผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้

แต่ขันติที่จะเป็นไปได้ด้วยดีนั้น

ต้องอาศัยโสรัจจะ

คือความเสงี่ยม รักษาศีลด้วยความเต็มใจ ดีใจชื่นใจ

ไม่ต้องฝืนใจ แล้วลูกจะเป็นผู้สง่าและสวยงามจากภายใน

ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว 

พ่อย้ำเสมอว่าพ่อไม่ใช่คนดี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

แต่…พ่อก็พอใจกับชีวิตในช่วงนี้ที่สุด

พ่อสั่งสอนลูกด้วยตนเองมาตลอด

จึงเชื่อมั่นว่าลูกต้องมีความคิด มีจิตใจที่ดีงาม

รู้จักรับผิดชอบ และห่วงใยพ่อแม่ คุณตาคุณยาย

ในวัยห้าสิบของพ่อ พ่อมีเวลาดูแลคุณตาคุณยายของลูก

พ่อเป็นนายของตัวเอง…ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร

พ่อมีเวลาให้แม่และเพื่อนผูง ลูกค้า

และสำหรับครอบครัวทางพ่อ คือคุณย่า คุณป้า คุณอา

พ่อก็มีแรงกายและปัจจัยเกื้อหนุนได้

อย่างไม่ต้องให้ใครเดือดร้อน

ถ้าวันหนึ่งลูกต้องขอความช่วยเหลือจากใครบ้าง

ลูกจงอย่าอาย…

หนึ่งสมองของเรา

จะมีประสบการณ์และความรู้มากมายแค่ไหนก็ตาม

ถ้าเราเชื่อมต่อกับสมองผู้อื่นอีกสัก ๑๐๐ หรือ ๑,๐๐๐สมอง 

คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เราจะฉลาดกว่านี้อีกสักเท่าใด

เพราะเช่นนั้น อย่าปิดตัวเองด้วยคำว่า"ฉันรู้"

เพราะถ้ามีคำนี้

ลูกก็อย่าไปขอความช่วยเหลือจากใครเลย

เปรียบเสมือนน้ำในแก้วที่ยังเต็มอยู่ แล้วจะเติมอะไรได้เล่า 

น้ำที่เต็มแก้วแล้ว

ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะไปขอน้ำจากใครมาเพิ่ม

"ฉันไม่ใช่ผู้รู้ไปเสียทุกอย่าง"

จะทำให้"รู้จักเปิดใจตนเอง ฟัง คิด และเรียนรู้"

เหมือนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากเครื่องส่วนตัว…

กับอีกหลายล้านเครื่องเครื่องในโลกกว้างใหญ่

ความรู้จะเพิ่มพูนทวีคูณมากเพียงใด…

อย่าปิดการเชื่อมต่อของวงจรสมองของเรากับผู้อื่น

ด้วยรหัสคำว่า ฉันรู้

เชื่อพ่อ…จงเป็นแก้วน้ำรุ่นพิเศษ

ที่จะคอยเทและรับน้ำจากผู้อื่น

จักดีกว่า

รักลูกมาก

พ่อ

 

ข้อความนี้ถูกเขียนใน หนังสือ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น